บทที่8แก้ปัญหาฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์-บทที่9ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการใช้window

บทที่ 8

แก้ปัญหาฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์

เปิดเครื่องไม่ขึ้น คอมเปิดไม่ติด ปัญหาง่ายๆที่ ทุกคนสามารถ ตรวจเช็คหรือซ่อมได้เอง หลายๆท่านอาจเคยพบเจอกับปัญหาของเจ้าคอมพิวเตอร์ตัวโปรด ที่อยู่ดีๆ กับไม่ทำงานซะงั้น เปิดไม่ติดซะงัน แล้วเพื่อนๆทำยังไรเมื่อ เปิดคอมพิวเตอร์ไม่ติด หลายๆท่าน อาจจะยกคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นไปให้ช่างคอมพิวเตอร์ ตรวจเช็คและหลายๆครั้งที่ตรวจเช็คกับเจอค่าใช้จ่ายที่แพงเกินจริง แต่ท่านรู้หรือไม่ว่า การตรวจเช็คและซ่อมเองนั้นท่านก็สามารถเช็คและซ่อมเบื้องต้นได้ง่ายๆ อาการต่าง ๆที่พบในคอมพิวเตอร์ ที่ใช้งานนานๆ นั้นคงนี้ไม่พ้นกับอาการ เปิดคอมแล้ว เครื่องทำงานปรกติ แต่กลับพบว่า ไม่สามารถบูตเข้าวินโดว์ หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์กับนิ่งไปเฉยๆ ไม่มีอะไรขึ้นมาเลย เอาละทีนี้เราลองมาเริ่มต้นทำการตรวจสอบกันเลย กับปัญหาแรกที่ทุกท่านเจอกันบ่อยๆ นั้นคือ 1. อาการ เปิดคอมพิวเตอร์แล้วคอมติดปรกติ แต่หน้าจอไม่มีอะไรขึ้นมาเลยปัญหานี้เกิดจากหล่ายๆ องค์ประกอบหลายๆอย่าง แต่ที่พบเห็นทั่วไปที่เจอกันบ่อยๆ นั้น เกิดจากการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานมานาน ปัญหาที่พบมากคือเจ้าฝุ่นตัวเล็กๆ ของเรานี่แหละที่เข้าไปจับตัวกันที่ บริเวณทองแดง ทำให้อุปกรณ์ภายในคอมพิวเตอร์บางตัวไม่ทำงาน แต่พอพูดถึงภายในเครื่องหลายๆท่านอาจถอดใจกลับไปใช้บริการช่างซ่อม คอมพิวเตอร์ดีกว่า เอาละ บทความนี้ทีมงานจะแนะนำวิธีการ เปิดฝาเครื่องและทำการตรวจเช็คอุปกรณ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ของเราไม่ทำงานกัน นะครับเริ่มต้นกับการเปิดเครื่องแล้วเช็คสิว่า เครื่องคอมพิวเตอร์นั้นติดปรกติหรือไม่ โดยเช็คพัดลมด้านหลัง พาวเวอร์ซัพพายหรือระบบจ่ายไฟ ของเจ้าตัวคอมพิวเตอร์หากติดแสดงว่าไฟเข้ามายังคอมพิวเตอร์ ปรกติดี (แต่หากไม่ติดลองเช็คไปที่ปลั๊กไฟ ครับว่าเสียบแน่นหรือไม่หากแน่นแล้ว ยังไม่ติดก็แสดงว่า เจ้าพาวเวอร์ซัพพายนั้นมีปัญหาแน่นอน)แต่ถ้ามันมีไฟเข้าปรกตินั้น ขั้นต่อไป ทำการดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ว่าท่านได้ทำการ ต่อสายถูกหรือไม่ หากทำการต่อถูกแล้ว ไฟหน้าจอติดปรกติแต่ภาพหน้าจอกลับไม่ขึ้น ลองตรวจเช็คไฟที่ คียบอร์ดดูว่าติดหรือไม่ หากไม่ติดแสดงว่าเป็นที่ คอมพิวเตอร์แล้วแหละ ที่นี้เราก็ต้องทำการเปิดฝาคอมพิวเตอร์ตัวโปรดของเราเพื่อจะชำแหละมันและนะ โดยสาเหตุหลักๆที่พบบ่อยที่สุดคือ Ram การ์ดจอ หลวมหรือ ฝุ่น เกาะบางคนบอกรักษาคอมดีมากแต่เปิดมา เจอฝุ่นเต็มเลย ไม่ต้องแปลกใจ เพราะว่า เจ้าคอมพิวเตอร์นั้น พวกพัดลม มันจะทำการ ดูดฝุ่นเข้ามาในคอมด้วย เพราะมันต้องการอากาศเพื่อระบายความร้อนออกไป

เครื่องแฮงค์หรือรีสตาร์ทเองบ่อยๆ สาเหตุของอาการนี้ น่าจะมาจากตัวซีพียูนั่นเองครับ คือ ซีพียูน่าจะร้อนเกินขนาด ทำให้เครื่องทำงานไม่ไหว จนแฮงค์หรือรีสตาร์ทเอง มาดูสาเหตุที่ทำให้ซีพียูร้อน และวิธีแก้ของปัญหานี้กันครับ

สาเหตุที่ 1 สายพัดลมซีพียูหลวม

วิธีแก้ เป็นเพราะซีพียูร้อนเกินขนาดและพัดลมซีพียูไม่หมุน เนื่องจากขั้วต่อระหว่างสายไฟเลี้ยงกับพัดลมซีพียูหลวมหรือหลุด วิธีแก้คือลองตรวจเช็คดูตรงขั้วต่อระหว่างสายไฟกับพัดลม ว่าต่ออยู่หรือไม่ และแน่นสนิทดีหรือไม่

สาเหตุที่ 2ฮีตซิงค์/พัดลมระบายอากาศเสีย

วิธีแก้ เป็นเพราะการใช้งานเครื่องเป็นเวลายาวนาน (แบบไม่หยุดพัก) จนทำให้อุณหภูมิสะสมภายในเครื่องสูงขึ้น และถ้าหากว่าระบบระบายความร้อนภายในเครื่องทำงานได้ไม่ดีพอก็จะเป็นอีก ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุณหภูมิภายในเครื่องสูงขึ้น และอาจจะนำมาซึ่งความเสียหาย โดยเฉพาะซีพียู

ส่วนที่จะต้องจัดสรรให้ดีก็คือฮีตซิงค์ และพัดลมระบายความร้อนจำเป็นที่จะต้องมีความสามารถในการระบายความร้อนที่ เหมาะสมกับความเร็วของซีพียู

สาเหตุที่ 3การระบายความร้อนภายในเครื่อง

วิธีแก้ ที่เสียเหตุอาจจะไม่ได้มาจากที่ตัวของพัดลมระบายอากาศอย่าง เดียวนะครับ แต่อาจมาจากเรื่องของฝุ่นควัน ที่เข้าไปอยู่ในพัดลม เมื่อใช้ไปนานๆ ฝุ่นควันเหล่านี้ก็จะเกาะติดพัดลม ทำให้ความสามารถในการระบายอากาศของฮีตซิงค์พัดลมลดลง

เรื่องของอุณหภูมิ

เมื่อซีพียูต้องทำงานที่มีความเร็วเกินขีดกำหนด ก็จะเกิดความร้อนขึ้นเกินระดับที่ออกแบบไว้ทำให้อุณหภูมิสูงจนเครื่องอาจจะ แฮงค์ได้ (ซึ่งโดยมากไม่ก่อให้เกิดความเสียหายถาวร พออุณหภูมิลดลงก็กลับมาเป็นปกติ) ปกติอุณหภูมิรอบๆ ซีพียูควรอยู่ที่ประมาณ 50-60 องศา (ถ้าวัดจากตัวเมนบอร์ด) และสูงสุดไม่ควรเกิน 80 องศา (กรณีที่วัดโดยใช้สัญญาณจากภายในตัวซีพียูโดยตรงก็จะต้องไม่เกิน 90 องศา)

เพิ่มฮาร์ดดิสก์เเล้วไม่ขึ้น จริงแล้วสาเหตุที่ฮาร์ดดิสก์บูตไม่ขึ้นนั้นหลายครั้งมักเกิดจากความผิดพลาดทางด้านซอฟต์แวร์ ส่วนสาเหตุทางด้านฮาร์ดแวร์นั้นส่วนใหญ่มักเกิดจากฮาร์ดดิสก์มีแบดเซ็กเตอร์เป็นจำนวนมาก หรือเกิด แบดเซ็กเตอร์บริเวณพื้นที่ที่เก็บข้อมูลสำคัญของฮาร์ดดิสก์จึงทำให้ฮาร์ดดิสก์ไม่สามารถบูตขึ้นมาได้ โดยจะแสดงอาการเงียบไปเฉยๆ หลังจากที่บูตเครื่องขึ้นมาแล้ว หรืออาจฟ้องขึ้นมาว่า No Boot Device หรือ Disk Boot failure Please insert system disk and please anykey to continue สำหรับวิธีแก้ไขนั้น ให้เราทำการตรวจสอบแบดเซ็กเตอร์โดยอาจบูตเครื่องขึ้นมาด้วยแผ่นบูตแล้วใช้ คำสั่ง Scandisk หรือโปรแกรม Norton Disk Doctor เวอร์ชั่นดอสตรวจสอบแบ็ดเซ็กเตอร์และซ่อมแซมดูก่อน หากมีแบดเซ็กเตอร์มากก็อาจไม่หาย หนทางสุดท้ายคือทำ Fdisk แบ่งพาร์ทิชั่นใหม่แล้วพยายามกันส่วนที่เป็นแบดเซ็กเตอร์ออกไป บางครั้งสาเหตุที่ฮาร์ดดิสก์บูตไม่ขึ้น นิ่งเงียบไปเฉยๆ อาจเกิดจากแผ่น PCB ( แผ่นวงจรด้านล่างของฮาร์ดดิสก์ ) เกิดการช็อต วิธีแก้ไขคือให้นำฮาร์ดดิสก์รุ่นเดียวกัน สเป็คเหมือนกันมาถอดเปลี่ยนแผ่น PCB ก็จะทำให้ฮาร์ดดิสก์ตัวที่ช็อตกลับมาทำงานได้เหมือนเดิมหากต้องการกู้ข้อมูลที่สำคัญกลับมาไม่ควรใช้คำสั่ง Fdisk เด็ดขาดเพราะจะทำให้ข้อมูลที่อยู่ภายในฮาร์ดดิสก์ให้เกลี้ยงไปหมด ในที่นี้แนะนำให้ใช้โปรแกรม Spinrite ในการกู้ข้อมูลสำคัญๆ ซึ่งโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่ถูกสร้างมาเพื่อกู้ข้อมูลภายในฮาร์ดดิสก์โดยเฉพาะ

ปัญหาที่เกิดจากซีพียูซีพียูเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตค่อนข้างสูงภายในมีรายละเอียดซับซ้อนโดยจะมีทรานซิสเตอร์ตัวเล็กๆ อยู่รวมกันนับล้านๆ ตัวทำให้หากมีปัญหาที่เกิดจากซีพียูแล้วโอกาสที่จะซ่อมแซมกลับคืนให้เป็นเหมือนเดิมนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ช่างคอมพิวเตอร์เมื่อพบสาเหตุอาการเสียที่เกิดจากซีพียูแล้วก็ต้องเปลี่ยนตัวใหม่สถานเดียว ปัญหาที่เกิดขึ้นกับซีพียูส่วนใหญ่แล้วจะมีเพียง 2 อาการที่ช่างคอมพิวเตอร์พบได้บ่อยๆ อาการแรกคือ ทำให้เครื่องแฮงค์เป็นประจำ และอาการที่สองคือวูบหายไปเฉยๆ โดยที่ทุกอย่างปกติ เช่นมีไฟเข้า พัดลมหมุน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นบนหน้าจอ สาเหตุส่วนใหญ่มักจะเกิดจากซีพียูมีความร้อนมากเกินไปจนเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งก็เดี้ยงไปแบบไม่บอกไม่กล่าว เลย สำหรับวิธีแก้ปัญหาก็คือต้องส่งเคลมสถานเดียวRAM หายไปไหน Spec 128 MB. ทำไม Windows บอกว่ามีแรมแค่ 96MB. เอง อาการของ RAM หายไปดื้อ ๆ จะเกิดกับการใช้เมนบอร์ดรุ่นที่มี VGA on board นะครับ ที่จริงก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก เพียงแต่ส่วนหนึ่งของ RAM จะถูกนำไปใช้กับ VGA ครับและขนาดที่จะ โดนนำไปใช้ก็อาจจะเป็น 2M, 4M, 8M ไปจนถึง 128M. ก็ได้ขึ้นอยู่กับการตั้งใน BIOS ครับ”Insert System Disk and Press Enter”อยู่ ๆ ผมไม่สามารถบูตเข้าสู่วินโดวส์ได้ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น โดยจะขึ้นข้อความว่า “Insert System Disk and Press Enter” ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้ทำการปรับแต่งวินโดวส์ เลย ปัญหานี้เกิดจากบู๊ตเครื่องโดยมีแผ่นดิสก์ที่ไม่มี OS หรือระบบปฎิบัติการอยู่ในไดรว์ A ซึ่งขั้นตอนแก้ปัญหาก็ให้เอา แผ่นไดรว์ A ออกจากนั้นก็กดปุ่ม Enter เพียงเท่านี้ก็สามารถเข้าวินโดวส์ได้แล้ว

ไดรว์ซีดีรอม อ่านแผ่นได้บ้างไม่ได้บ้าง หาแผ่นไม่เจอ แก้ปัญหาอย่างไร

ปัญหานี้มักจะไม่เกิดกับไดรว์ซีดีรอมตัวใหม่ ๆ ครับ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดกับไดรว์ซีดีรอมที่มีการใช้งาน มานานแล้ว หรือประมาณ 1 ปีขึ้นไป และสาเหตุที่เห็นกันบ่อยก็คือหัวอ่านสกปรก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกฝุ่น เข้าไปกับแผ่นซีดี แล้วเราก็นำมันเข้าไปอ่านในไดรว์ ฝุ่นก็เลยเข้าไปติดที่หัวอ่าน พอสะสมมาก ๆ เข้าก็เลย ทำให้เกิด อาการดังกล่าว อ่านแผ่นไม่ได้บ้างละ หาแผ่นไม่เจอบ้างละ วิธีการแก้ไขก็คือทำความสะอาดหัวอ่าน โดยใช้แผ่นซีดีที่ไว้สำหรับทำความสะอาดหัวอ่าน ที่มีขายอยู่ตามร้านคอมพิวเตอร์ทั่วไปมาใช้ รับรองอาการดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน

ปัญหาของ CD Audio

ถ้าคุณเล่นซีดีออดิโอใน CD Writer แล้ว Windows Media หรือ CD Playar แสดงข้อความ “Please insert an audio compact disk” หรือ Data or no disk loaded อาจมีสาเหตุมาจากไดรเวอร์ วิธีแก้คือ ให้เปิด Control Panel เลือก Sound &Multimedia คลิก Devices ดับเบิลคลิก ที่ Media Control Devices และ CD Audio Devices (Media Control) คลิก Remove และ Yes คลิก OK เพื่อปิด หน้าต่างทั้งหมดและบูตเครื่องใหม่

เครื่องบู๊ตขึ้นมาเเล้วค้าง

ปัญหาเครื่องค้างหลังจากbootเครื่องเสร็จนี้นะครับ อาจเกิดจากการที่มีโปรแกรมเปิดขึ้นมามากเกิน หรือมีโปรแกรมที่ติดตั้งแล้วแต่เกินเสป็กเครื่อง และยังรันหลังbootเสร็จด้วย ซึ่งโปรแกรมที่ผมกล่าวถึงนี้ คือโปรแกรมฆ่าvirusต่างๆ เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะชอบปรากฎที่tastbarซึ่งจะปรากฎทางด้านซ้ายสุด เวลาเริ่มทำงานแล้วจะเห็นมาเพิ่มมาเรื่อยๆ (อยู่แถวVolumn Control)ซึ่งบางครั้งถ้ามีมากเกินจะทำให้เครื่องทำงานช้าตอนเริ่ม หรือทำให้ค้างไปเลยพอเกิดปัญหานี้ขึ้นแล้ว บางเครื่องจะช้ามากจนถึงค้าง ซึ่งถ้าจะใช้งานต่อนั้นคงเป็นไปไม่ได้แล้ว ถ้าอยากทำงานจริง หลังคลิกไปทีหนึ่ง อาจจะต้องรอถึง15นาที หรือไม่ก็ค้างไปเลย

ปัญหานี้มีวิธีแก้ง่ายๆนะครับ คือ เวลาที่เครื่องbootให้กดF8 มันจะมีโหมดขึ้นมาให้เลือกว่าจะเริ่มทำงานแบบปกติ หรือแบบอื่นๆ ซึ่งตรงจุดนี้ ให้บังคับด้วยคีย์บอร์ด กดcursorไปที่ safe mode ซึ่งเมื่อเริ่มทำงานแล้ว safe mode นี้จะไม่ทำการรันโปรแกรมใดๆทั้งสิ้น ให้คิดดูว่ามีโปรแกรมอะไรที่เป็นสาเหตุให้เครื่องค้างได้ ให้uninstallทิ้งเสีย ซึ่งอาจทำได้โดยไปที่Control Panelแล้วเลือกAdd/Remove Program เอาโปรแกรมนั้นออกเสีย

บางครั้งเครื่องอาจไม่ยอมให้remove ก็ให้ใช้วิธีตรงๆคือ ไปที่ที่เก็บโปรแกรมนั้น หาตัวuninstallให้เจอ แล้วกดทำงานมัน หรือไม่มีวิธีลัดอีกอย่างหนึ่ง คือ ค้นหาในStart Menu โดยดูAll ProgramsสำหรับWindows XPและบางรุ่น ดูที่โปรแกรมนั้น อาจเจอตัวuninstallของมัน

ถ้าเอาโปรแกรมที่เป็นตัวต้นเหตุออกได้เวลาRebootเครื่องใหม่ แล้วรันในNormal Mode เครื่องจะไม่ค้าง แต่ถ้าวิธีนี้ไม่สำเร็จ ให้ลองรันในmodeอื่นดูต่อว่ามีโหมดใดที่พอทำงานได้บ้าง แล้วพยายามเอาโปรแกรมนั้นออกตามเดิม ถ้าจนมุมหมดหนทางแล้ว ให้Formatเครื่องไปเลย แล้วลงโปรแกรมระบบปฏิบัติการใหม่ แต่คงรู้กันว่า ข้อมูลทั้งหมดในเครื่องจะหายไปหมดเลยถ้ามีเพียวDriveเดียว

ฟอร์แมตฮาร์ดิสก์ไม่ได้

take ownership ก่อน ทำยังไงหรือ

ขั้นแรกก็ต้องทำให้เมนูใน Folder Options มี Security เพิ่มขึ้นมาก่อน

1.เปิด Windows Explorer (กดแป้นโลโก้วินโดวส์ + E) > Tools > Folder Options > tab View

บรรทัดสุดท้ายให้ยกเลิกการติ๊กหน้า Use simple file sharing (Recommended) > กด OK

เสร็จแล้วเมื่อคลิกขวาที่โฟลเดอร์(หรือไดฟ์) เลือก Properties จะมี tab Security เพิ่มมา (ปกติจะไม่มี)

2.คลิกขวา เลือก Properties

3.เลือก tab Security จะมีข้อความเตือน ให้คลิก OK

4.คลิก Advanced แล้วคลิก tab Owner

5.ในช่องรายการชื่อ (Name) คลิก

Administrator ……

Administrators …..

ทำเครื่องหมายในช่อง Replace owner on subcontainers and objects

6.คลิก OK ตอบ Yes เมื่อมีข้อความเตือน

7.คลิก OK เป็นอันจบกระบวนการ

เครื่องมองไม่เห็น ไดร์

วิธีแก้คือ เราจะต้องไปตั้งค่าให้ Drive ของเราออนไลน์ซะ เครื่องจะได้มองเห็น Drive ของเรา

โดยทำตามวิธีด้านล่างนี้

Click ขวา ที่ > MyComputer > คลิ๊ก Manage

แก้ปัญหา เครื่องมองไม่เห็น USB Drive (ไดร์ต่อพ่วง)

จะปรากฏหน้าต่าง Computer Management

แถบด้านซ้าย คลิ๊กที่ > Disk Management | แล้วจะเจอ รายการ Drive ทั้งหมด ที่ Offline อยู่ และ Online อยู่

แก้ปัญหา เครื่องมองไม่เห็น USB Drive (ไดร์ต่อพ่วง)

ให้หา Drive ที่คุณพึ่งต่อเข้าไป จะเห็นว่ามันเป็น Offline อยู่ ตามภาพ

แก้ปัญหา เครื่องมองไม่เห็น USB Drive (ไดร์ต่อพ่วง)

จากนั้น คลิ๊กขวาที่ Drive นั้น แล้วเลือกเป็น Online ตามภาพ

แก้ปัญหา เครื่องมองไม่เห็น USB Drive (ไดร์ต่อพ่วง)

หลังจากเลือกเป็นออนไลน์แล้ว สถานะจะเป็นเป็น Online หมายความว่า เสร็จเรียบร้อยเปิดใช้งานแล้ว

แก้ปัญหา เครื่องมองไม่เห็น USB Drive (ไดร์ต่อพ่วง)

จากนั้นก็กลับไปดูที่ MyComputer ของคุณ Drive เห็นว่า Drive นั้นโผลมาแล้ว ก็ใช้งานได้เลย

อ่านแผ่นซีดีไม่ได้

ปัญหา DVD ไม่อ่านแผ่น ใส่ไปแล้วนิ่ง ๆ เหมือนหาแผ่นไม่เจอ อย่าพึ่งตกใจลองวิธีนี้ก่อนที่จะเปลี่ยน drive หรือเอาไปซ่อม

1.ให้คลิกปุ่ม start แล้วเลือกคำสั่ง run

2.พิมพ์คำว่า regedit แล้วคลิกปุ่ม OK

3.เข้าไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMcontrolset001ServicesUdfs

4.แล้วคลิกขวาที่ Udfs แล้วเลือกคำสั่ง rename

5.พิมพ์ชื่อ udfs1 ลงไป แล้วกดปุ่ม Enter

6.เข้าไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMcontrolset002ServicesUdfs

7.เปลี่ยนชื่อโฟลเดอร ์ udfs ให้เป็น udfs1 เหมือนกัน

บู๊ตเครื่องจากไดรว์ซีดีไม่ได้

ป็นวิธีการปรับค่าไบออสเพื่อให้ Boot จาก CD Rom แทน Hard Disk สำหรับวิธีการที่จะเข้าไปตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS ได้นั้น จะขึ้นอยู่กับระบบของแต่ละเครื่องด้วย โดยปกติเมื่อเราทำการเปิดสวิทช์ไฟของเครื่องคอมพิวเตอร์ BIOS ก็จะเริ่มทำงานโดยทำการทดสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนที่จะเรียกใช้งานระบบ DOS จากแผ่น Floppy Disk หรือ Hard Disk ในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เราสามารถเข้าไปทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS ได้โดยกด Key ต่าง ๆ เช่น DEL , ESC , CTRL-ESC , CTRL-ALT-ESC , F1 , F2 , F10 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละเครื่องจะตั้งไว้อย่างไร ส่วนใหญ่ จะมีข้อความบอกเช่น “Press DEL Key to Enter BIOS Setup” เป็นต้นความต้องการบูตเครื่องคอมพิวเตอร์จากแผ่นซีดีรอม CD-Rom ( CD-Bootable ) ใช้สำหรับกรณี

1. ติดตั้งวินโดว์ใหม่ จากแผ่นซีดี Windows XP Boot Setup CD

2. ล้างข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ ( Format Hard Disk Drive )

3. บูตเพื่อแก้ปัญหาเมื่อระบบวินโดว์ไม่ทำงาน

4. บูตเครื่องด้วยแผ่นซีดีบูต ( CD Bootable, Hiren’s Boot CD, WindowsPE )

ไบออสชนิด AMIBIOS

เปิดเครื่อง PC ( เครื่องจะบูตระบบ Bios ก่อน HardDisk อย่างรวดเร็ว ) เมื่อถึงหน้าบูตสกรีน Bios ให้กดปุ่ม Dellete บนคีย์บอร์ด ให้เลือกเมนู Boot เพื่อเลือกลำดับการบูต เลือกที่ 1st Boot Device เป็น [CDROM] สำหรับบูตแผ่นซีดีเป็นลำดับแรก แล้วกดปุ่ม F10 บนคีย์บอร์ด เพื่อ SAVE ค่าที่ตั้งไว้ก่อนออกจากไบออส จะมีข้อความแสดงการยืนยันก่อนออกจากไบออส ให้เลือก Y หรือ YES แล้วกดปุ่ม ENTER

ไดรว์ซีดีเปิดไม่ออก

1.รูปภาพ : เปิดเอาดิสก์ออกใน Windows 7

2.หากปุ่มฝาไดรฟ์ CD หรือ DVD เป็นแท่งพลาสติกยาวใสด้านหน้าคอมพิวเตอร์ ให้กดทางฝั่งขวาของแท่งให้แน่น บางรุ่นมีปุ่มบนแผงด้านหน้าของคอมพิวเตอร์อยู่ทางขวาของฝาพับ กดปุ่มเพื่อเปิดไดรฟ์ออกมา

3.หากปุ่มฝาไดรฟ์เป็นส่วนหนึ่งของเคสคอมพิวเตอร์และครอบฝาไดรฟ์จริงอยู่ ให้เปิดฝาที่เป็นส่วนหนึ่งของเคสคอมพิวเตอร์ออก และกดปุ่ม Eject (เปิดไดรฟ์) บนหน้ากากของไดรฟ์

4.รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์และกดปุ่ม Eject (เปิดไดรฟ์) ด้านหน้าของไดรฟ์เมื่อหน้าจอแรกปรากฏขึ้น (ก่อน Windows จะเปิดใช้งาน) หากฝาไดรฟ์เปิดด้วยวิธีนี้ แต่ไม่เปิดใน Windows แสดงว่าโปรแกรมซอฟต์แวร์อื่นควบคุมไดรเวอร์ CD อยู่ ให้ลองปิดหรือกำหนดค่าโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่สร้างแผ่นดิสก์หรือตรวจสอบไดรฟ์ CD หรือ DVD

5.หากฝายังคงไม่เปิด ให้เสียบปลายคลิปหนีบกระดาษที่ยืดตรงลงในรูเปิดไดรฟ์ด้วยมือที่อยู่ด้านหน้าไดรฟ์

5.1ปิดโปรแกรมทั้งหมดและปิดเครื่องคอมพิวเตอร์

5.2ถอดสายไฟออกจากเต้ารับไฟฟ้า

5.3มองหารูเล็กๆ บนหน้ากากของไดรฟ์ CD หรือ DVD ซึ่งเป็นรูเปิดฝาด้วยมือ ตำแหน่งรูเปิดฝาด้วยมือจะแตกต่างกันไป

5.4ยืดคลิปหนีบกระดาษให้ตรงและเสียบเข้าไปในรูเปิดฝาด้วยมือจนรู้สึกได้ว่ามีแรงต้าน

5.5เมื่อรู้สึกว่ามีแรงต้าน ให้ดันคลิปหนีบกระดาษเข้าไปจนกว่าถาดจะเปิดออกมาเล็กน้อย

5.6ดึงคลิปหนีบกระดาษออก และค่อยๆ ดึงถาดออกมาจนเข้าถึงแผ่นดิสก์ได้

5.7นำแผ่น CD ออกมาและเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์

6.หากถาดยังไม่เปิดออก ให้เปิดเคสและตรวจสอบว่าสายไฟสำหรับไดรฟ์ต่ออยู่

ไดรว์อ่านแผ่นได้ช้า

ควรตรวจสอบดูว่า ไดร์ซีดีรอมนั้น กับฮาร์ดดิสก์ของคุณได้ต่อสาย IDE อยู่ในเส้นเดียวกันหรือเปล่า เพราะการต่อแบบนี้ จะทำให้การโอนถ่าายข้อมูลนั้น มีการโอนถ่ายที่ช้าลงไป เพราะฉนั้นถ้าต่ออยู่เส้นเดี๋ยวกันก็เปลี่ยนซะ เอาไดร์ฟซีดีรอม ไปเสียบในช่อง secondary ก็ได้

หรือในอีกกรณีหนึ่ง ถ้าคุณใช้ ไดร์ซีดีรอมแบบ DVD เวลาที่นำแผ่นซีดีแบบธรรมดาไปใช้ ก็จะพบว่าการอ่านแผ่นนั้น อ่านได้ช้ากว่าไดร์ซีดีรอมปกติ เพราะ DVD นั้นต้องทำการตรวจสอบก่อนว่าเป็นแผ่นซีดีแบบชนิดไหน จากนั้นจึงเริ่มอ่านข้อมูล ทำให้ เริ่มต้นการอ่านได้ช้า

นอกจากนี้ยังตรวจสอบได้อีกอย่างว่า เปิดฟีเจอร์ DMA ไว้หรือเปล่า ซึ่งบางคนอาจจะยังไม่รู้ ก็มีวิธีการเปิดดังนี้เลย

1. คลิ๊กขวาที่ My Computer แล้วเลือก Properties

2. คลิ๊กแท็ป Device Manager คลิ๊กเครื่องหมาย + ที่กลุ่มซีดีรอม

3. จากนั้นดับเบิ้ลคลิ๊ก ที่ไดร์ฟซีดีรอมที่ เราต้องจากจะ set กัน แล้วคลิ๊กที่แท๊ป setting

4. แล้วเช็กบล๊อกที่หน้าคำว่า DMA และ Sync Data Transfer เสร็จแล้วก็คลิ๊ก OK และทำการ รีสตาร์ท

** แต่ถ้าทำงาน set ค่า DMA แล้ว ซีดีรอมเกิดทำงานผิดปกติ ให้เซ็ตค่ากลับอย่างเดิม อาจเป็นเพราะไดร์ฟซีดีรอมรุ่นเก่า และไม่สนับสนุนการทำงานแบบ DMA

เบิร์นแผ่นดิสก์อย่างไรไม่ให้เสีย

แต่ด้วยเทคนิคง่ายๆ 5 ข้อนี้ ก็จะช่วยให้คุณสามารถลดความผิดพลาดลงและหลีกเลี่ยงปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นในระหว่างการเบิร์นแผ่นซีดีหรือดีวีดีได้มากขึ้น

1.โปรดติ๊กฟังก์ชัน verify

ใช้สื่อบันทึกข้อมูลผิดชนิด

3.อย่าเขียนแผ่นซีดีเร็วเกินไป

4.เฟิร์มแวร์ไม่ใหม่พอ

5.คอมพิวเตอร์คุณไม่เร็วพอ

บทที่ 9

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการใช้งาน windows

ปัญหานี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาต่าง ๆ ต่อไปนี้:

คุณอาจใช้โปรแกรมควบคุมวิดีโอที่เสียหาย หรือล้าสมัย

ระบบแฟ้มบนพีซีของคุณอาจเสียหาย หรือไม่ตรงกับแฟ้มอื่น ๆ

คุณอาจมีการติดไวรัสหรือมัลแวร์บนพีซีของคุณ

บางโปรแกรมประยุกต์หรือบริการที่ทำงานบนพีซีของคุณอาจจะเป็นสาเหตุให้ Windows Explorer เพื่อหยุดการทำงาน

การแก้ไขปัญหา windows

หาก System Restore ไม่เริ่มต้นทำงาน ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้

เปิดใช้งาน Windows Update เพื่อตรวจสอบและติดตั้งรายการปรับปรุงของระบบ เข้าสู่เว็บไซต์ต่อไปนี้ของ Microsoft เพื่อตรวจสอบรายการปรับปรุง:

หากคุณได้รับข้อความแจ้งเตือน ให้รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

หลังจากคอมพิวเตอร์รีสตาร์ทแล้ว ให้คลิก เริ่ม คลิก โปรแกรมทั้งหมด คลิก เบ็ดเตล็ด คลิก เครื่องมือระบบ แล้วคลิก System Restore

norton antivirus คือ

ปลั๊กอินสำหรับ Microsoft Office ของ Norton AntiVirus สแกนเอกสารสำหรับแมโครไวรัสในผลิตภัณฑ์ Office ปลั๊กอินนี้อาจทำให้เกิดปัญหาประสิทธิภาพการทำงาน ไม่สามารถเปิดแฟ้มที่อยู่ภายในสำนักงาน หรือไม่สามารถติดตั้งบางโปรแกรม Office

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อคุณใช้ปลั๊กอิน รวมถึงข้อความแสดงข้อผิดพลาดที่คุณอาจได้รับ ของ Norton AntiVirus คลิกหมายเลขบทความต่อไปนี้เพื่อดูบทความในฐานความรู้ของ Microsoft:

835404 คุณได้รับข้อผิดพลาดเมื่อคุณพยายามเปิดเอกสาร Office หรือเริ่ม Outlook

บทความนี้ประกอบด้วยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับวิธีการใช้ Office ด้วย Office โปรแกรมป้องกันไวรัสของ Norton ปลั๊ก

ตรวจจับไวรัสด้วย norton antivirus

1.คลิกเลือกที่ Start > All Programs > Norton AntiVirus > Norton AntiVirus 2003 Professional Edition เพื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมา

2.จากนั้นจะเปิดโปรแกรมขึ้นมา ถ้าเราต้องการที่จะทำการ Scan Virus ก็ให้คลิกเลือกที่ Scan for Viruses และทางด้านขวามือจะแสดงรายการ

3.ให้เราเลือกไฟล์ หรือตำแหน่งที่เราต้องการจะทำการ Scan Virus ซึ่งในตัวอย่างนี้ได้ทำการเลือกสแกนไวรัสที่ My Document ก็ให้ดับเบิ้ล

4.คลิกที่ Scan my computer

5.จากนั้นมันก็จะเริ่มทำการ Scan Virus ดังรูป โดยให้เรารอจนกว่ามันจะทำการ Scan Virus เสร็จเรียบร้อย

6.เมื่อ Scan Virus เสร็จเรียบร้อยแล้วมันก็จะแสดงผลการ Scan Virus ขึ้นมาเพื่อให้เราทราบว่าพบไวรัสในเครื่องของเราหรือเปล่า

การอัพเดท Norton Antivirus แบบ Manual

โดยปกติ Norton Antivirus จะสามารถอัพเดทฐานข้อมูลไวรัสผ่านทางอินเตอร์เน็ทได้ ด้วยโปรแกรม LiveUpdate แต่ถ้าเครื่องไม่สามารถต่ออินเตอร์ได้ เราต้องทำการอัพเดทแบบ Manual โดยดาวน์โหลดตัวอัพเดทจากเวปไซต์ของ Symantec

windows defender จัดการสปายแวร์ ที่มากับ อินเตอร์เน็ต

คุณสามารถใช้ Windows Defender เพื่อสแกนคอมพิวเตอร์แบบเร็วหรือสแกนทั้งระบบก็ได้ หากคุณสงสัยว่ามีมัลแวร์ในที่ใดที่หนึ่งในคอมพิวเตอร์ของคุณ ให้ใช้ Windows Defender เพื่อสแกนแบบกำหนดเองในแต่ละไดรฟ์และโฟลเดอร์ที่สงสัย

รูปภาพ : ตัวเลือกในการสแกน

สแกนแบบกำหนดเอง

รูปภาพ : การเลือกไดรฟ์และโฟลเดอร์

หากต้องการให้สแกนไฟล์บีบอัดด้วย เช่น ไฟล์ .zip หรือ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

1.คลิกแท็บ การตั้งค่า แล้วคลิก ขั้นสูง จากแผงด้านซ้าย

2.คลิก สแกนแฟ้มเก็บถาวร

3.คลิก Save changes (บันทึกการเปลี่ยนแปลง)

หากต้องการแยกไฟล์และตำแหน่งออกจากการสแกน ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

1.คลิกแท็บ การตั้งค่า แล้วคลิก แฟ้มและตำแหน่งที่ตั้งที่ถูกแยกออก จากแผงด้านซ้าย

2.คลิก เรียกดู แล้วเบราส์ไปที่ไฟล์หรือตำแหน่งที่คุณต้องการแยกออก แล้วคลิก ตกลง ในตัวอย่างหน้าจอต่อไปนี้ โฟลเดอร์ Saved Games ถูกเลือกอยู่

3.หากต้องการเลือกไฟล์หรือตำแหน่งเพิ่มเติม ให้ทำซ้ำขั้นตอนก่อนหน้า

4.คลิก Add (เพิ่ม)

ไฟล์หรือตำแหน่งที่คุณเลือกจะแสดงอยู่ในกล่อง ชื่อ

5.คลิก Save changes (บันทึกการเปลี่ยนแปลง) ไฟล์หรือตำแหน่งที่เลือกจะถูกแยกออกจากการสแกนครั้งต่อไป

Write a Comment