วิธีเเกะเม้าส์ที่ไม่มีน็อตครับ
จอคอมพิวเตอร์ กับ จอทีวี ต่างกันอย่างไร พร้อมวิธีเลือกให้เหมาะกับการใช้
เทคโนโลยีไร้สายในทุกวันนี้ ทำให้เราจำเป็นต้องต่ออุปกรณ์ไอทีหลายอย่างเพื่อใช้เชื่อมโยงกับโลกภายนอก ตั้งแต่ระดับนักเรียนที่ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลการศึกษา รวมถึงวัยทำงานที่ใช้การติดต่อระบบเครือข่ายเชื่อมโยงกันได้ทั้งโลก แต่การอ่านข้อมูลจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์แสดงภาพที่สำคัญ นั่นก็คือ “จอคอมพิวเตอร์”
ในระดับการใช้งานแบบบุคคล และองค์กรขนาดเล็ก “จอคอมพิวเตอร์” จะมาพร้อมกับสาย VGA หรือ HDMI ที่เชื่อมออกมาจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และโน้ตบุ๊ก เพื่อขยายสิ่งที่ต้องมองเห็นให้ชัดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เอกสาร, แปลนออกแบบ, ภาพ, วิดีโอ ซึ่งนิยมใช้หน้าจอขนาด 12 นิ้วขึ้นไป แต่ในขณะเดียวกันการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับจอทีวีก็ทำได้ ทำให้หลายคนสงสัยว่า “จอคอมพิวเตอร์กับจอทีวีต่างกันอย่างไร” วันนี้ไทยรัฐออนไลน์มีคำตอบ
ก่อนจะเข้าสู่เรื่องราวของจอ อยากให้คุณลองจินตนาการถึงการทำภาพการ์ตูนที่เกิดจากการวาดสิ่งหนึ่งลงบนหน้ากระดาษคนละแผ่นให้มีความแตกต่างกันเล็กน้อย แล้วเปิดเปลี่ยนภาพอย่างรวดเร็ว ซึ่งสายตามนุษย์จะมองเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวจากกระดาษที่ถูกเปลี่ยน 30 แผ่น ต่อ 1 วินาที ก่อนเลือกว่าจะใช้จอแบบไหน ต้องเข้าใจวิวัฒนาการจอภาพจอคอมพิวเตอร์และจอทีวีที่พัฒนามาพร้อมกัน ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
จอคอมพิวเตอร์ถูกสร้างขึ้นมาด้วยหลักการเดียวกับจอทีวี ซึ่งเป็นการแสดงผลของรังสีแคโทด เรียกว่าเทคโนโลยี CRT (Cathode Ray Tubes) ใช้หลักการเปลี่ยนภาพ 30 ภาพ ต่อ 1 วินาที เมื่อรังสีถูกสัญญาณกระตุ้นสารบนจอภาพให้แสดงแสงเป็นตัวอักษร เรียกจุดที่ปรากฏบนจอภาพว่า พิกเซล (Pixel) จอคอมพิวเตอร์สมัยก่อนจึงมีน้ำหนักมาก และมีขนาดใหญ่ เพราะต้องบรรจุหลอดแก้วและตัวส่งสัญญาณ ซึ่งพัฒนาขึ้นมาให้บางลงเรื่อยๆ
ระยะเวลาการพัฒนาจอ LCD กับจอ Plasma ใกล้เคียงกันมาก แต่ LCD ได้ถูกนำมาพัฒนาให้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก (ที่เรียกว่าปาล์ม (Plam)) รวมถึงอุปกรณ์หน้าจอดิจิตัลอย่างเครื่องคิดเลข หน้าจอไมโครเวฟ ด้วยการใช้เทคนิคให้แสงได้มากกว่าขาวดำ ทำให้เกิดเทคโนโลยีจอสีจากการผสมสี แดง เขียว และน้ำเงิน
จอพลาสมา (Plasma) เกิดจากการพัฒนาการเซลล์สีในแผ่นแก้ว ที่ 1 จุดแสง สามารถสร้างขึ้นมาจาก 3 สี ด้วยการปรับแรงดันไฟฟ้าในแต่ละเซลล์ เพื่อเปลี่ยนความเข้มของสี ตัวอุปกรณ์ปลดปล่อยแสงของจอพลาสมามีขนาดเล็กลง ทำให้ข้อจำกัดของขนาดจอถูกเปลี่ยนไปจากเดิม เริ่มเห็นจอภาพที่มีขนาดบางขึ้น ทั้งจอคอมพิวเตอร์และจอทีวี
จอโอแอลอีดี เป็นจอภาพที่มีขนาดบาง และใช้โครงสร้างเซลล์ที่กระตุ้นและปล่อยแสงสว่างที่บางลงจากเดิม ด้วยองค์ประกอบหลายชั้น สร้างสีสันได้หลากหลายขึ้นถึงขั้นเสมือนจริง และพัฒนาขึ้นเป็น AMOLED (Active Matrix OLED) ที่นิยมใช้ในโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนปัจจุบันนี้
วิวัฒนาการของจอภาพที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้บางเทคโนโลยีนิยมในการใช้งานกับคอมพิวเตอร์, ทีวี, อุปกรณ์อื่นๆ ไม่เหมือนกัน แต่การใช้งานหลักๆ ที่ทำให้เราแยก “จอคอมพิวเตอร์” และ “จอทีวี” ออกจากกันได้ คือการประมวลผล
ในส่วนการทำงานทั้งจอคอมพิวเตอร์และจอทีวีใช้งานทดแทนกันได้ แต่จะติดเรื่องความเข้มของแสงที่อาจทำให้สายตาเสีย รวมถึงเปิดไว้นานๆ จะเปลืองไฟ เมื่อใช้ปัจจัยเรื่องความเหมาะสมของการใช้งานมาเป็นเกณฑ์ก็จะทำให้เราแยกได้ง่ายขึ้น
จอทีวีในปัจจุบันนิยมใช้เทคโนโลยี LED เนื่องจากเมื่อต้องเปิดเครื่องไว้นานๆ จะประหยัดไฟมากกว่า คำถามที่ผู้ซื้อต้องตัดสินใจว่าจะซื้อจอคอมพิวเตอร์หรือจอทีวีดีกว่ากัน เช่น
วิธีการเลือกจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน ต้องดูหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น ขนาดของพื้นที่วาง และระยะสายตาในการมองเห็นที่พอดี แต่ส่วนใหญ่แล้วนิยมเลือกจอขนาด 12 นิ้วขึ้นไป ควรเลือกจอขนาดพอดีกับการใช้งาน เพราะจอใหญ่จะกินไฟมากกว่าจอเล็ก
จอคอมพิวเตอร์ 144Hz คือคุณภาพหน้าจอมอนิเตอร์ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันนี้ โดยให้ภาพที่ลื่นไหล 144Hz คือค่า Refresh Rate สูงสุดในจอคอมพิวเตอร์ที่ขายในท้องตลาดทุกวันนี้ รองลงมาคือ 120Hz และ 60Hz เหมาะสำหรับใช้กับงานทุกด้านที่ต้องมองผ่านหน้าจอ
จอคอมพิวเตอร์ 4k คือจอที่มีคุณภาพของภาพ 3840x2160 พิกเซล นิยมใช้เป็นจอทีวี และเป็นจอเล่นเกมที่ต้องการภาพสวย ได้ประสบการณ์ภาพที่ดีขึ้น แต่เป็นจอภาพที่มีราคาสูง
ปัจจุบันมีแบรนด์สินค้าเทคโนโลยีผลิตจอคอมพิวเตอร์คุณภาพดีมากมาย ทั้งในประเทศจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี อาทิ LG, Acer, Dell, Samsung, HP, Lenovo, Philips, AOC, MSI, AOPEN เป็นต้น เพื่อการเลือกซื้อจอคอมพิวเตอร์ที่ตรงกับการใช้งาน อย่าลืมเลือกขนาดหน้าจอที่พอดี และคำนวณระยะเวลาการใช้งาน เพื่อการใช้งานที่คุ้มค่า ไม่กินไฟ.
3 วิธีใช้ mouse wireless และวิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นที่พบบ่อยๆ
mouse ถูกออกแบบให้มีรูปร่างที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะแก่การใช้งานของแต่ละประเภท เช่น mouse ปากกาที่เหมาะกับนักออกแบบ หรือ mouse ที่เหมาะกับการเล่นเกมส์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังออกแบบ mouse ตามความต้องการของคนเพิ่มมากขึ้น โดยออกแบบให้มีรูปร่าง สีสันที่ทันสมัย มีไฟสวยงาม หรือออกแบบรูปร่างเหมือนตัวการ์ตูนที่คนชื่นชอบ
ซึ่ง mouse ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันก็คือ mouse wireless ดังนั้น วิธีใช้ mouse wireless จึงถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง เพราะในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ และหลากหลายยี่ห้อให้เลือกใช้
mouse เป็นอุปกรณ์สั่งงานที่สำคัญอย่างมากสำหรับคอมพิวเตอร์ ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นต้องมี เพราะใช้ในการควบคุม และชี้จุดต่าง ๆ บนคอมพิวเตอร์mouse ถูกออกแบบให้มีรูปร่างที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะแก่การใช้งานของแต่ละประเภท เช่น mouse ปากกาที่เหมาะกับนักออกแบบ หรือ mouse ที่เหมาะกับการเล่นเกมส์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังออกแบบ mouse ตามความต้องการของคนเพิ่มมากขึ้น โดยออกแบบให้มีรูปร่าง สีสันที่ทันสมัย มีไฟสวยงาม หรือออกแบบรูปร่างเหมือนตัวการ์ตูนที่คนชื่นชอบซึ่ง mouse ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันก็คือ mouse wireless ดังนั้น วิธีใช้ mouse wireless จึงถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง เพราะในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ และหลากหลายยี่ห้อให้เลือกใช้
วิธีใช้ mouse wirelessสามารถใช้งานง่าย ๆ สะดวกสบาย และไม่มีสายเกะกะให้รำคาญ mouse wireless ประกอบไปด้วยตัว mouse ตัวรับสัญญาณระหว่างเมาส์กับคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คซึ่งส่วนใหญ่จะใช้การเชื่อมต่อด้วยช่อง USB และแหล่งจ่ายพลังงานด้วยถ่าน หรือถ้าเป็น mouse wireless รุ่นใหม่ ๆ สามารถชาร์จไฟได้เพราะมีแบตเตอรี่ในตัวจึงไม่จำเป็นต้องใส่ถ่าน
วิธีใช้ mouse wireless เพียงแค่เชื่อมต่อตัวรับสัญญาณเข้าที่คอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊ค จากนั้นเลื่อนเปิด mouse ก็สามารถใช้งาน mouse ได้ปกติ ลักษณะเหมือนการใช้งาน mouse มีสายทั่วไป แต่ถ้าไม่สามารถใช้งานได้ให้สังเกตที่ตัว mouse ว่ามีปุ่มเชื่อมต่อหรือไม่ ถ้ามีให้กดปุ่มที่ตัว mouse เพื่อทำการเชื่อมต่อระหว่าง mouse กับคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คก่อน mouse wireless ไม่จำเป็นต้องลงโปรแกรมเฉพาะ หรือไม่จำเป็นต้อง Restart เครื่องใหม่ และเมื่อใช้งานเสร็จก็ควรเลื่อนปิดเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน หากไม่ได้ใช้หรือต้องเคลื่อนย้าย ด้านล่างของตัว mouse หรือในช่องใส่ถ่านจะมีที่สำหรับเก็บตัวรับสัญญาณ เพื่อความสะดวกในการเก็บรักษาไม่ให้สูญหาย เพียงแค่นี้ mouse wireless ก็สามารถใช้งานได้ทันที
วิธีใช้ mouse wirelessสามารถใช้งานง่าย ๆ สะดวกสบาย และไม่มีสายเกะกะให้รำคาญ mouse wireless ประกอบไปด้วยตัว mouse ตัวรับสัญญาณระหว่างเมาส์กับคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คซึ่งส่วนใหญ่จะใช้การเชื่อมต่อด้วยช่อง USB และแหล่งจ่ายพลังงานด้วยถ่าน หรือถ้าเป็น mouse wireless รุ่นใหม่ ๆ สามารถชาร์จไฟได้เพราะมีแบตเตอรี่ในตัวจึงไม่จำเป็นต้องใส่ถ่านวิธีใช้ mouse wireless เพียงแค่เชื่อมต่อตัวรับสัญญาณเข้าที่คอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊ค จากนั้นเลื่อนเปิด mouse ก็สามารถใช้งาน mouse ได้ปกติ ลักษณะเหมือนการใช้งาน mouse มีสายทั่วไป แต่ถ้าไม่สามารถใช้งานได้ให้สังเกตที่ตัว mouse ว่ามีปุ่มเชื่อมต่อหรือไม่ ถ้ามีให้กดปุ่มที่ตัว mouse เพื่อทำการเชื่อมต่อระหว่าง mouse กับคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คก่อน mouse wireless ไม่จำเป็นต้องลงโปรแกรมเฉพาะ หรือไม่จำเป็นต้อง Restart เครื่องใหม่ และเมื่อใช้งานเสร็จก็ควรเลื่อนปิดเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน หากไม่ได้ใช้หรือต้องเคลื่อนย้าย ด้านล่างของตัว mouse หรือในช่องใส่ถ่านจะมีที่สำหรับเก็บตัวรับสัญญาณ เพื่อความสะดวกในการเก็บรักษาไม่ให้สูญหาย เพียงแค่นี้ mouse wireless ก็สามารถใช้งานได้ทันที
วิธีใช้ mouse wireless มักจะพบปัญหาบางอย่างได้บ้าง เช่น เมื่อเสียบแล้วไม่สามารถใช้งานได้ นั่นคือลากไม่ไปหรือกดไม่ติดนั่นเอง วิธีแก้ทำได้ง่าย ดังนี้
1. สังเกตที่แบตเตอรี่ก่อน ถ้าเป็น mouse ที่ใช้ถ่านให้ลองสลับก้อนถ่าน หรือเปลี่ยนถ่าน เพราะบางครั้งอาจจะเกิดจากขั้วของถ่านหลวม หรือ ถ่านหมด ถ้าเป็น mouse ที่มีแบตเตอรี่ในตัวให้สังเกตว่าชาร์จไฟเข้าหรือไม่ ถ้าไม่เข้าให้ลองนำสายไฟอื่นมาทดสอบ ถ้าไฟยังไม่เข้าแสดงว่า mouse มีปัญหา
2. ลองเปลี่ยนช่องเสียบ USB ที่โน๊ตบุ๊ค ช่องรับ USB บางช่องอาจจะไม่สามารถเชื่อมต่อได้กับ mouse wireless ยิ่งหากไม่เคยใช้งานนาน ๆ อาจจะมีฝุ่นเข้าไปเกาะภายในช่อง ถ้านำ mouse เสียบกับช่อง USB อื่นแล้วใช้ได้ ให้ทำความสะอาดช่อง USB ที่ใช้งานไม่ได้แล้วทดลองใช้อีกครั้ง
3. ถ้าทำทั้งสองวิธีแล้วยังใช้งานไม่ได้ ให้นำ mouse wireless ไปลองใช้งานกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ถ้าใช้งานไม่ได้ก็แสดงว่า mouse มีปัญหา ถ้ายังอยู่ในช่วงประกันก็ส่งเคลมประกันได้เลย
mouse wireless ถือเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับคอมพิวเตอร์ ดังนั้น ผู้ใช้งานควรให้ความสำคัญกับวิธีใช้ mouse wirelessและการเลือกซื้อ เพื่อให้สามารถใช้สั่งการได้ดั่งใจ ทนทานนั่นเอง
วิธีเเกะเม้าส์ที่ไม่มีน็อตครับ
ปกติเวลาที่ต้องการเปิดฝาเมาส์ออกมาซ่อมเราจะเปิดโดยไขน็อตจากด้านล่างของเม้าส์ แต่เม้าส์ MD tech Model-MD-3 3D Optical mouse ออกแบบมาให้เปิดโดยไขน็อตจากด้านบน ตอนแรกผมพยายามหาวิธีเปิดอยู่นานก็ไม่สำเร็จ
สวัสดีครับ พอดีวันนี้ผมมีปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ก็ทนๆไว้จนวันนี้ก็คือ "เม้าส์ของผมนั้นมันคลิ๊กเบิ้ลครับ" ตอนแรกคิดว่าคลิ๊กเบิ้ลแค่ปุ่มขวาคงไม่เป็นไรมาก แต่พอใช้ๆไปสักพักคลิกซ้ายก็เบิ้ล
เราตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะความกังวลของเราเองค่ะคือเรื่องเกิดขึ้นเมื่อวานช่วงค่ำๆประมาณ19:00น. ลุงเราขับรถมาจากทางกันทราลักษณ์บรรทุกปลามาด้วย เห็นบอกว่าขับดัวยความเร็วสูง พอถึงสี่เเยกบ้านโพธิ์มีรถมอเต
ผมซื้อเมาส์มาใหม่ครับ แล้วรุ่นนี้ สามารถปรับ dpi ได้ 4 ระดับ คือ 800,1200,1800,2400 ซึ่งค่า default ของเมาส์ที่ตั้งมาคือ 800 แต่พอผม ปรับไปที่ 1200 มันก็กดไม่ได้ และพอปรับกลับมาที่ 1800 มันก็กลับมาใช้
ซื้อกระจกยี่ห้อ นโปเรียนมาจากญี่ปุ่นครับ แต่ลืมสังเกตุเกลียวที่ขากระจก มันเป็นเบอร์ 12 แต่ฐานรับที่รถมอเตอร์ไซค์มันเป็นเบอร์ 14 อยากรบกวนสอบถามครับ ร้านแถวไหนมีน็อตแปลง จาก 12 เป็น 14 บ้างครับ เค้าเรี
- ตั้งเเต่พันธ์ทิพย์เค้าปรับโฉมใหม่ ก็เพิ่งจะได้ตั้งกระทู้กับเค้านี่เเหละ มึุนๆ งงๆ เค้าทำกันยังไงหว่า มั่วๆ ไปล่ะกัน ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยก่อนนะฮะ เเหะๆ - วันนี้ไปเดินเฉิดฉายที่ Big C เลยได้ของ
Write a Comment